รู้จัก! สาวนักซิ่งเรือเร็วฟอร์มูล่า4 เจ้าของสถิติโลกใหม่ เจ้าความเร็วทางน้ำ
เมื่อพูดถึงกีฬาความเร็วทางน้ำ ทุกคนคงจะคิดถึง jet ski ไม่ก็พวกเรือสปีดโบ้ตลำเล็กๆ
ซึ่งจริงๆแล้ว ในอดีตยังมีเรืออีกประเภทหนึ่ง ที่เรามักจะเห็นคุ้นตากัน
นั่นคือ เรือเร็ว formula4 power boat ถ้าดูจากชื่อ ก็คงคิดไปถึงรถฟอร์มูล่าวัน (จริงๆก็มีเรือฟอร์มูล่าวันเหมือนกัน)
ก็คล้ายๆกันครับเพียงแต่อันนี้เป็นเวอร์ชั่นเรือ เป็นเรือเร็วที่ไว้แข่งขันกัน
เป็นที่นิยมในโซนประเทศฝั่งยุโรปและกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในโซนประเทศตะวันออกกลาง
แต่ใครจะไปคิดว่ากีฬาความเร็วแบบนี้จะมีเจ้าของสถิติโลกรุ่น เรือเร็วฟอร์มูล่า4เป็นผู้หญิง
(สถิตินี้ คือแข่งกันที่ขับเรือได้เร็วที่สุด)
เรากำลังพูดถึงนักกีฬาเรือเร็วฟอร์มูล่า 4 เจ้าของสถิติโลก ด้วยความเร็วสถิติโลกใหม่ 81.33 Mph
หรือ 130.86 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Henriette Halvorsen นักกีฬา powerboat ประเภท formula4 ชาว Norway
เป็นเพียงสาวน้อยอายุ 18 ปีเท่านั้น
โดยที่สถิติเรือเร็วในรุ่น Formula 4 นี้ถูกเธอผู้นี้ทำลายในการแข่งขันรายการ
Offshore and Circuit at the Flosta Båtsport Club ประเทศนอร์เวย์
โดยในรายการนี้ Henriette Halvorsen ไม่ได้เพียงทำลายสถิติที่เร็วที่สุดในโลกของเรือในรุ่น formula 4 เท่านั้น
แต่ยังทำสถิติโลกในความเร็วที่สุดของแต่ละรุ่นอีกด้วย
ประเภทอื่นๆที่ทำลายสถิติโลกด้วย มีดังนี้
UIM 3C Jan Trygve Braaten and Henriette Halvorsen ทำสถิติโลก ด้วยความเร็ว 177.61 km/h
UIM 3B Fredrik Groth Fyrø and Henriette Halvorsen ทำสถิติโลก ด้วยความเร็ว 136.88 km/h
V60 Henriette Halvorsen and Emma Feltstykket ทำสถิติโลก ด้วยความเร็ว 95.16 km/h
———————————
รู้จักสาวสวยไปแล้ว ก็อยากให้เรามาทำความรู้จัก เรือเร็ว formula 4 คร่าวๆกันสักนิดเถอะ
เรือเร็วประเภทนี้เริ่มมีการจัดแข่งขันเล็กๆในปี 1970
โดยประยุกต์มาจากเครื่องบินน้ำขนาดเล็ก
แรกเริ่มทีเดียวไม่ได้มีการจำกัดรุ่น ขนาดเครื่องยนต์ เป็นเหมือน สนามแข่งขันเล็กๆเพื่อความสนุก
เปิดให้ทุกรุ่นเรือสามารถเข้ามาร่วมแข่งขันกัน
ต่อมา…ก็เริ่มได้รับความนิยมจากเป็นการแข่งเล็กๆนอกชายฝั่งของประเทศอังกฤษ
จนมาถึงมีการแข่ง แบ่งรุ่น แบ่งขนาด จนถึงขั้นมีเป็นฤดูการแข่งขันเรือ formula เลยทีเดียว
———————————-
ข้อมูลทางเทคนิค
เรือ formula 4 ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์4 จังหวะ 60hp
ความเร็วสูงสุดประมาณ 110 กิโลเมตร / ชั่วโมง
และมีน้ำหนักต่ำสุด(รวมคนขับ) 350 kg
โดยขนาดเรือ ห้องคนขับจะถูกออกแบบมาแบบเดียวกันกับเรือ Formula 1 และถูกออกแบบมาให้ใช้ในน้ำตื้น
ตัวเรือจะมีน้ำหนักเบากว่าเรือ Formula 1 จึงทำให้มีความคล่องแคล่วมากกว่า
โดยจะสามารถเลี้ยวในระยะที่แคบกว่า
สามารถเร่งความเร็วให้อยู่ในระดับ 4G
(เร็วกว่าแรงโน้มถ่วง 4 เท่า เหมือนคนขับต้องรองรับน้ำหนักตัวเอง 4 เท่าตัวนั่นเอง) ได้เลยทีเดียว
จึงนิยมนำมาแข่งเป็นเส้นทางที่มีสิ่งกีดขวางมากกว่าจะเป็นทางตรง
แต่ทั้งนี้ด้วยเครื่องยนต์ที่แรงและตัวเรือที่เบาจึงมีเหตุการณ์เรือเหินฟ้า
หรือ อุบัติเหตุอยู่บ้างในนักขับที่อาจจะยังไม่ชำนาญและเรื่องของสภาพแวดล้อมด้วย
ถึงแม้ว่าหน่วยงาน UIM จะออกกฎเกี่ยวกับความปลอดภัยมา ก็ยังถือว่ากีฬาชนิดนี้อันตรายในระดับหนึ่งเช่นกัน
——————————-
ในประเทศไทยก็มีการส่งเสริมกีฬาทางน้ำประเภทนี้เหมือนกันโดยมี
สมาคมกีฬาเรือแห่งประเทศไทย ภายใต้การบริหารงานของ คุณวรวุฒิ ภิรมย์ภักดี นายกสมาคมฯ
ให้การสนับสนุนและส่งเสริม โดยในตลอดปีพ.ศ. 2559 นี้
ทางสมาคมจะจัดให้มีการแข่งขันเรือเร็ว 2 รายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
การแข่งขันเรือเร็วฟอร์มูล่า 4 “สิงห์ไลท์ ไทยแลนด์ ฟอร์มูล่า 4 แชมเปี้ยนชิพ 2016”
(Singha Light Thailand Formula 4 Championship 2016)
และ การแข่งขันเรือเร็วไทย “สิงห์ไลท์ ไทยแลนด์ ลองเทล โบ๊ท แชมเปี้ยน ชิพ 2016”
(Singha Light Thailand Long-Tailed Championship 2016)
ซึ่งเป็นรายการระดับสากลขึ้นเป็นครั้งแรกของเมืองไทย โดยเตรียมจัดชิงชัยตลอดปี 2559
เพื่อปลุกกระแสกีฬาเรือเร็ว พร้อมยกมาตราฐานการแข่งขันกีฬาเรือเร็ว ให้แพร่หลายและก้าวไกลสู่ระดับโลก
โดยทั้ง 2 รายการแข่งขันนี้ จะมีรูปแบบการแข่งขันแบบเซอร์กิตเพื่อเก็บคะแนนสะสมในสนามต่างๆ
ก่อนจะเข้าไปชิงชนะเลิศกันในสนามสุดท้าย ซึ่งเป็นรายการชิงแชมป์ประเทศไทย
โดยแชมป์จะได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเรือเร็วในรายการระดับโลกต่อไป
โดยในการแข่งขันเรือเร็วสากล ฟอร์มูล่า 4 รายการ “สิงห์ไลท์ ไทยแลนด์ ฟอร์มูล่า 4 แชมเปี้ยนชิพ 2016”
จะมีแข่งขันเก็บคะแนนใน 2 สนาม
โดยสนามแรก จะมีขึ้นที่ จ.สุพรรณบุรี , สนามที่ 2 กรุงเทพมหานคร และ สนามสุดท้าย ชิงแชมป์ประเทศไทย
จะไปชิงชัยกันที่ หาดจอมเทียน พัทยา จ. ชลบุรี
ส่วนในการแข่งขันเร็วไทย (เรือหางยาวไทย) รายการ “สิงห์ไลท์ ไทยแลนด์ ลองเทล โบ๊ท แชมเปี้ยน ชิพ 2016”
มีชิงชัยเก็บคะแนนใน 2 สนามเช่นกัน สนามแรก ที่ จ. พระนครศรีอยุธยา , สนามที่ 2 จ.สุพรรณบุรี ก่อนจะปิดท้ายใน
สนามที่ 3 ในระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ที่ จ. จันทบุรี
—————————–