Verterra พลิกวิถีธรรมชาติจากเศษใบไม้สู่งานดีไซน์แบบยั่งยืน
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน
Michael Dworkได้ออกเดินทางจากอเมริกาเพื่อไปเรียนภาษาที่ประเทศจีน จากนั้นอีก2ปี เขาได้เดินทางไปใช้ชีวิตต่อที่ประเทศอินเดีย
ที่นั่นทำให้เขาได้พบกับสิ่งที่ทำให้เปลี่ยนชีวิตของเขา
————–
ขณะที่เขาขับรถตามทางชนบทของอินเดีย
Michael ได้เห็นวิถีชีวิตข้างทางของชาวอินเดียที่เอาใบปาล์มมาแช่น้ำ
แล้วนำไปอบบนเพลทเหล็กเพื่อทำให้ใบไม้แห้งและแข็ง แล้วนำมาเป็นจานใส่อาหารขายให้ลูกค้า
ในสายตาเขาได้มองเห็นถึงนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Sustainability)
และ สามารถทำได้ทันทีและกระทบต่อโลกน้อยที่สุด
michael จึงเกิดไอเดียคิดทำภาชนะใส่อาหารที่เกิดจากการใช้ใบไม้มาปั๊มขึ้นรูป
โดยเพิ่มงานออกแบบเพื่อเพิ่มมูลค่า (Value added)เข้าไปในงาน
โดยที่ธุรกิจของเขาทำให้เกิดการจ้างงานจากชาวบ้านในชุมชนนั้นโดยเป็นฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดโลก
คำว่า Verterra มีรากฐานมาจากภาษาละติน “Veritas Terra” ซึ่งหมายถึง “ความจริงเพื่อโลก“
Verterra ได้นำเสนอความเป็นธรรมชาติในแต่ละชิ้น การผลิตอย่างยั่งยืน น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง
Verterra สามารถเข้าไมโครเวฟได้ ใส่ได้ทั้งอาหารร้อน อาหารเย็น ของเหลว รวมทั้งทนต่อแสงอาทิตย์
ไม่เพียงเท่านั้น Verterra เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างจากธรรมชาติ ไม่มีกาว Lacquer หรือ พลาสติก จึงปลอดภัยในการบริโภค
แม้เราจะไม่มั่นใจว่าอาหารเราปลอดภัยมั้ยแต่อย่างน้อยภาชนะก็ปลอดภัยในการบริโภค
———————————————–
กระบวนการผลิต
ขั้นตอนแรกคือการเก็บรวบรวมใบปาล์มที่ร่วงจากสวนปาล์ม ซึ่งก่อนหน้านี้ใบไม้จำนวนมหาศาลเหล่านี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร
ใบจะถูกนำเข้าไปในโรงงานที่ฉีดพ่นด้วยน้ำแรงดันสูงและนึ่งฆ่าเชื้อด้วยยูวี
กว่า80%ของน้ำที่ใช้ในกระบวนการนี้คือน้ำที่ Reuse
ในความเป็นจริงทั้งกระบวนการผลิตใช้เพียง 10% ของพลังงานที่ใช้ในการรีไซเคิลภาชนะอื่น
ไม่มีสารเคมีแลคเกอร์กาวหรือสารพิษอื่น ๆ
เพราะฉะนั้นการใช้ภาชนะช่วยให้อาหารและโลกปลอดภัยจากสารเคมีอันตรายได้มากยิ่งขึ้น
ความรับผิดชอบต่อสังคม
Verterra มีแรงบันดาลใจจากวลีที่ว่า
“ภารกิจของเราคือการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุดในราคาที่ยุติธรรมโดยใช้วิธีการผลิตอย่างยั่งยืนและค่าจ้างแรงงานที่เป็นธรรม“
จากที่ภาชนะของเราสามารถย่อยสลายได้ ทนทานและปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
ร่วมกับสิ่งแวดล้อมและใส่ใจต่อสังคมของผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
การสร้างภาชนะจากใบไม้ (ปาล์มที่ร่วง)
เป้าหมาย Verterra คือ การอนุรักษ์ทรัพยากรสำหรับคนรุ่นอนาคตให้ยังคงสมบูรณ์ต่อไป
มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ชุมชนที่มีให้จำกัดการเข้าถึงทรัพยากร
ผลิตภัณฑ์มีการผลิตในภูมิภาคเอเชียใต้ ที่ India’s Malabar Coast
ได้สร้างงานหลายรูปแบบในสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานสากล
การฝึกอบรมทักษะที่จำเป็นต่อความสำเร็จในการทำงาน
จุดมุ่งหมายของเราคือการปรับปรุงคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญ แรงงานได้รับผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ย
ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
ความสำคัญสูงสุดของVerterraคือรักษาโลก บริษัทมักจะนำเสนอวิธีการใหม่ที่จะทำให้กระบวนการทั้งหมดจากวัสดุที่ทำภาชนะ
มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
——————————————-
พอได้อ่านเรื่องราวของ Verterra แล้ว ก็ทำให้อดนึกถึงกิจการเพื่อสังคมแบบนี้ในไทยบ้าง
ตัวอย่าง Social Enterprise ในไทย
อย่างเช่น ๑4๑ Social Enterprise ธุรกิจเพื่อสังคมที่ก่อตั้งจากอดีตอาจารย์นักออกแบบที่เล็งเห็นถึงปัญหาของเด็กไทยในการเข้าถึงของเล่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆในศูนย์รับเลี้ยงต่างๆ ที่ขาดโอกาสที่จะได้เล่นของเล่นที่ดี
ลักษณะของ ๑4๑ Social Enterprise ก็เป็นการนำเทคนิคการบริหารทรัพยากร จากผลิตภัณฑ์ของบริษัท
มาทำเป็นของเล่นเพื่อส่งต่อความสุขให้กับเด็กๆที่ไม่มีโอกาสในประเทศไทย
ตัวอย่างเช่น นาฬิกา ทาง๑4๑ ก็จะออกแบบโดยเจาะรูเป็นรูปร่างต่างๆ และนำไม้ที่เหลือจากการเจาะนั้น มาทำของเล่นให้กับเด็กๆ
ลูกค้าที่ซื้อนาฬิกาไป ก็จะทราบว่านาฬิกาเรือนนี้ส่วนที่เป็นรู ไม้ส่วนนั้นได้ส่งต่อไปเป็นของเล่นให้เด็กผู้ยากไร้ต่อไป
www.facebook.com/141SE
หรืออย่างทางภาคเหนือของเรา ที่จังหวัดเชียงราย
ไร่สิงห์ปาร์คก็เป็นอีกกิจการเพื่อสังคม (social enterprise) แห่งหนึ่ง ที่กำลังได้รับความนิยมในเชิงการท่องเที่ยวและส่งเสริมอาชีพให้กับคนในพื้นที่
ที่ Singha Park ล้วนใช้การจ้างงานจากคนในท้องถิ่น ในการเพาะปลูกต่างๆ โดยที่คนงานได้รับค่าจ้างที่เหมาะสมและยังได้ความรู้จากการทำงาน ที่สามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ สร้างอาชีพให้กับชุมชนได้อีกด้วย
ที่นี่เปรียบได้กับเป็นแหล่งที่คนท้องถิ่นใช้เป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ ( People Centered )
รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ต่างๆของทางไร่ ก็กลับมาเป็นผลตอบแทนให้แก่ชาวไร่ คนงาน ทั้งในรูปแบบค่าจ้าง ค่าตอบแทน
รวมไปถึงความรู้ต่างๆที่ชุมชมได้จากการทำงาน
และพัฒนากลับมาทำคืนให้กลับทางไร่อย่างยั่งยืน ( Sustainable Development )
ภายบริเวณไร่ Singha Park มีแปลงทดลองปลูกพืชหลากหลายชนิด เช่น ไร่พุทรา ไร่สตรอเบอร์รี่ ไร่เสาวรส ไร่พริกฮาบาเนโร่ ไร่บลูเบอร์รี่ ไร่มัลเบอร์รี่ ไร่ราสเบอร์รี่ หรือแม้กระทั่งไร่ชาขนาดใหญ่
———————
เห็นแบบนี้แล้ว หากในประเทศเรามีธุรกิจเพื่อสังคมเยอะๆมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คงจะดีไม่น้อย